วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11
  การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
  Creative Thinking Experiences Management for Early Childhood
                       ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน               
       วันจันทร์ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2560

ความรู้ที่ได้รับ
  วันนี้เป็นวันปิดครอสของการเรียนวิชาการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย และแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอการสอนเรื่องของ STEM ในหน่วยที่ได้ช่วยกันคิดและทำไว้ โดย       อาจารย์ก็จะช่วยแนะนำในการที่จะสอนว่าวันนี้...
     - เราก็จะมาทำกิจกรรมศิลปะกัน
     - จะต้องบอกชื่อกิจกรรมที่ทำ
     - บอกชื่ออุปกรณ์(หยิิบขึ้นมาให้เด็กได้เห็น)
     - ในขั้นที่จะเริ่มเข้าสู่การให้เด็กได้ทำ จะต้องอธิบายและสาธิตขั้นตอนการทำแต่ละขั้นให้ชัดเจน
     - จะจัดเด็กให้นั่งอย่างไร
     - พยายามอย่าให้เด็กออกมาหยิบของเอง เมื่อสาธิตเสร็จให้เด็กไปทำที่โต๊ะโดยครูเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้แล้ว ครูเดินดูและอาจช่วยตัดกระดาษให้เด็กเพื่อป้องกันอันตรายในการตัด
     - เมื่อเด็กทำผลงานเสร็จ ก็นำมาส่งครูเพื่อให้ครูเขียนบรรยายตามที่เด็กบอก

กลุ่มที่ 1 เรื่องข้าว
กิจกรรม : ภาพปะติดจากเมล็ดข้าว




  กลุ่มที่ 2 เรื่องสัตว์(กลุ่มของเราเอง)
กิจกรรม : ตกแต่งจานกระดาษเป็นรูปสัตว์ต่างๆ








 กลุ่มที่ 3 เรื่องบ้าน
กิจกรรม : ปั้นให้เป็นห้อง






  กลุ่มที่ 4 เรื่องผัก
กิจกรรม : ประดิษฐ์ผักจำลองจากกระดาษ




 กลุ่มที่ 5 เรื่องดอกไม้
กิจกรรม : เพลงจ้ำจี้ดอกไม้



การนำไปใช้
  เป็นการฝึกในการสอนเรื่องของ STEM โดยให้เด็กได้เรียนรู้ Science = วิทยาศาสตร์, Technology = เทคโนโลยี,  Engineering = วิศกรรมศาสตร์, Mathematics = คณิตศาสตร์ เป็นการศึกษาที่ช่วยทำให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เปลี่ยนการเรียนแบบท่องจำมาเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ ปฏิบัติจริง ทดลอง สืบค้น และใช้วัสดุอุปกรณ์ ทำให้เด็กได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ได้รับความสนุกสนาน และมีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ มากยิ่งขึ้น

การประเมิน
  ตนเอง➤  ตั้งใจเรียน ร่วมกันเตรียมอุปกรณ์และจัดกิจกรรมกับเพื่อน
  เพื่อน➤  ช่วยกันเตรียมอุปกรณ์และจัดกิจกรรม
  อาจารย์➤  สอนเข้าใจง่าย แนะนำเทคนิคที่ดี

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10
การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
Creative Thinking Experiences for Early Childhood
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
เวลา 13.30 - 17.30 น.

ความรู้ที่ได้รับ
  ➥ อาจารย์ให้ความรู้ด้านการเรียน
  ➥ มอบหมายงาน
ตัวอย่าง STEM หน่วยผีเสื้อ

ได้ทำงานร่วมกันกับเพื่อนหน่วย สัตว์น่ารัก
การนำไปใช้
  การจัดการเรียนรู้แบบ STEM ทำให้เด็กได้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง สามารถจัดการศึกษาควบคู่ไปกับหน่วยการเรียนรู้ต่างๆได้หรืออาจให้เด็กได้เลือกหน่วยการเรียนรู้ที่สนใจ ทำให้รู้สึกอยากเรียนรู้มากยิ่งขึ้น

การประเมิน
  ตนเอง➤ ตั้งใจฟังงานที่ได้รบมอบหมาย
  เพื่อน➤   ตั้งใจเรียนร่วมกันระดมความคิด
  อาจารย์➤  อธิบายงานเข้าใจ

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9

Learning Log 9

 บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9
วันจันทร์ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2560

  การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
  Creative Thinking Experiences Management for Early Childhood

                       ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน               

เนื้อหา/กิจกรรม
               

STEM / STEAM Education


STEM” คืออะไร (ชลาธิป สมาหิโต: 2557)

          STEM เป็นการจัดการศึกษาแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โดยนำลักษณะทางธรรมชาติของแต่ละสาระวิชามาผสมผสานและจัดเป็นการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และเน้นการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการทำงาน

STEM Education (สะเต็มศึกษา) 
          STEM เกิดจากอักษรตัวแรกของชื่อวิชา คือ
     1. Science
     2. Technology
     3. Engineering
     4. Mathematics

1. Science (วิทยาศาสตร์)
            คือการเรียนรู้เรื่องราวของธรรมชาติ เช่น ปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งวิทยาศาสตร์นั้นมีเป้าหมายหลักเพื่อใช้อธิบายกฎเกณฑ์หรือ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามธรรมชาติโดยใช้หลักและระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์

2. Technology (เทคโนโลยี)
     หมายถึงวิทยาการที่นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม (ราชบัณฑิตยสถาน: 2557, 580) สิ่งที่เราสร้างหรือพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต ไม่ใช่มีความหมายเพียงแค่คอมพิวเตอร์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์ตามยุคสมัยต่าง ๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือรวมไปถึงเครื่องใช้ทั่วไปอย่าง ยางลบ, มีด, กรรไกร, กบเหลาดินสอ เป็นต้น

3. Engineering (วิศวกรรมศาสตร์)
           คือทักษะกระบวนการในการออกแบบ สร้างแบบ รวมไปถึงการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการใช้องค์ความรู้ด้านต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ออกแบบผลงานที่ใช้งานได้จริง กระบวนการในการทำงานของวิศวกรรมศาสตร์นั้น สามารถนำมาบูรณาการกับหลักแนวคิดของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ได้ (ยศวีร์ สายฟ้า: 2557, 1) อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมทำให้เกิดการพัฒนาทางความคิดออกแบบสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น

4. Mathematic (คณิตศาสตร์)
          คณิตศาสตร์ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการคำนวณ (ราชบัณฑิตยสถาน:2557, 225) เป็นการเรียนรู้ในเรื่องราวของจำนวน ตัวเลข รูปแบบ ปริมาตร รูปทรงต่างๆ รวมไปถึงแบบรูปและความสัมพันธ์ (พีชคณิต) ฯลฯ ทักษะทางคณิตศาสตร์นี้เป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแขนงวิชา เพราะเป็นศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ มีความแม่นยำเรายังสามารถพบคณิตศาสตร์ได้ในชีวิตประจำวันของเราแทบจะทุกที่ ทุกเวลาอีกด้วย

“STEM” กับการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
          เราจะนำ “STEM” แทรกเข้าไปในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหน่วยที่ครูจัดขึ้น หรือเลือกตามหน่วยที่เด็กสนใจได้อย่างหลากหลาย จะทำให้เด็กสนุกกับการเรียนในห้องมากขึ้น การศึกษาแบบ “STEM” เป็นการศึกษาที่ช่วยทำให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เปลี่ยนการเรียนแบบท่องจำมาเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ ปฏิบัติจริง ทดลอง สืบค้น และใช้วัสดุอุปกรณ์ ทำให้เด็กได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ได้รับความสนุกสนาน และมีความสนใจในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ มากยิ่งขึ้น
              และมีการนำ “STEM” มาบูรณาการกับทักษะทางศิลปะ “Art” ก็เพื่อจะทำให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และมีจินตนาการในการออกแบบชิ้นงานนั้น ๆ ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น


                                                    
กิจกรรม   ผีเสื้อ

     1. ทำผีเสื้อจากกานกระดาษ 
     2. สร้างที่อยู่ผีเสื้อจากกิ่งไม้ ดอกไม้ ใบไม้
     3. นำดินน้ำมันมาปั้นเพื่อถ่ายทำวีวีโอ stop motion ในแบบวงจรชีวิตของผีเสื้อ






การนำความรู้ไปใช้

การจัดการเรียนรู้แบบ STEM ทำให้เด็กได้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง สามารถจัดการศึกษาควบคู่ไปกับหน่วยการเรียนรู้ต่างๆได้หรืออาจให้เด็กได้เลือกหน่วยการเรียนรู้ที่สนใจ ทำให้รู้สึกอยากเรียนรู้มากยิ่งขึ้น

การประเมินผล

ตนเอง   : ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน
เพื่อน   :ให้ความร่วมมือภายในกลุ่มเป็นอย่างดี
อาจารย์  : เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและคอยสังเกตการณ์ปฏิบัติกิจกรรม

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8

Learning Log 7

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ
                                                        การเคลื่อนไหวประกอบเพลง


ขั้นนำ
1.อธิบายสัญญาณให้เด็ก โดยคุณครูจะเคาะจังหวะรัวช้าให้เด็กเคลื่อนไหวไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ แต่ถ้าคุณครูเคาะจังหวะรัวเร็วๆให้เด็กเคลื่อนไหวไปรอบห้องอย่างเร็วๆ และถ้าคุณครูเคาะจังหวะติดกัน 2 ครั้ง ให้เด็กๆหยุดอยู่กับที่
2.เด็กหาบริเวรพื้นที่เฉพาะตัว โดยกางแขนออกแล้วหมุนรอบตัวเองโดยไม่ชนเพื่อน
3.ให้เด็กๆเคลื่อนไหวไปรอบๆห้องตามสัญญาณของคุณครู
4.คุณครูต้องเดินไปรอบๆห้องขณะเด็กปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก

ขั้นปฎิบัติ
1.ให้เด็กๆหาพื้นที่เป็นของตัวเองโดยร้องเพลงแมงมุมลายแล้วทำท่าทางประกอบเพลง แมงมุมลาย
2.ให้เด็กต่อแถวรวมตัวกันเป็นแมงมุม1ตัว โดยเลือกเพื่อนที่เป็นหัวแมงมุม1คน และเลือกเพื่อนที่เป็นก้นแมงมุม1คน เมื่อร้องเพลงแมงมุมลาย ถ้าได้ยินเสียงคำว่า เอ้า  ให้กระโดดกลับหลังหัน โดยสลับจากคนที่เป็นหัวแมงมุมเปลี่ยนเป็นก้นแมงมุม คนที่เป็นก้นแมงมุมเปลี่ยนเป็นหัวแมงมุม
ฝันเห็นแมงมุมลาย คอยชักใยจับเหยื่อ ดูไม่เบื่อ คอยจับเหยื่อแล้วกลับไปนอน
ลา ล้า ลา ...ลา หล่า ลา ...ล้า หล่า เอ้า ลา ล้า ลา ...หล่า ลา ลา ...ล่า ลา
3.ให้แมงมุม1ตัวเคลื่อนที่ไปบริเวณรอบๆห้องพร้อมกับร้องเพลงแมงมุมลาย

ขันสรุป
ให้เด็กๆนั่งลงกันเป็นวงกลมเพื่อผ่อนคลายโดยการนวด

อาจารย์ยกตัวอย่างการสอนการเคลื่อนไหวด้วยริบบิ้น โยดยต่อให้เป็นรูปแมว

















การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
       การเคลื่อนไหวประกอบเพลง ทำให้เด็กเกิดพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และยังช่วยให้เด็กเกิดความกล้าแสดงอก

ประเมิน
ตนเอง : พยายามเข้าร่วมกิจกรรมของเพื่อนๆ
เพื่อน : เพื่อนๆให้ความร่วมมือและตั้งใจฟังคำสั่ง
อาจารย์ : ให้คำแนะนำและให้คำชมนักศึกษา
      

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 7

Learning Log 7

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ
                                                        การเคลื่อนไหวประกอบเพลง


ขั้นนำ
1.อธิบายสัญญาณให้เด็ก โดยคุณครูจะเคาะจังหวะรัวช้าให้เด็กเคลื่อนไหวไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ แต่ถ้าคุณครูเคาะจังหวะรัวเร็วๆให้เด็กเคลื่อนไหวไปรอบห้องอย่างเร็วๆ และถ้าคุณครูเคาะจังหวะติดกัน 2 ครั้ง ให้เด็กๆหยุดอยู่กับที่
2.เด็กหาบริเวรพื้นที่เฉพาะตัว โดยกางแขนออกแล้วหมุนรอบตัวเองโดยไม่ชนเพื่อน
3.ให้เด็กๆเคลื่อนไหวไปรอบๆห้องตามสัญญาณของคุณครู
4.คุณครูต้องเดินไปรอบๆห้องขณะเด็กปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก

ขั้นปฎิบัติ
1.ให้เด็กๆหาพื้นที่เป็นของตัวเองโดยร้องเพลงแมงมุมลายแล้วทำท่าทางประกอบเพลง แมงมุมลาย
2.ให้เด็กต่อแถวรวมตัวกันเป็นแมงมุม1ตัว โดยเลือกเพื่อนที่เป็นหัวแมงมุม1คน และเลือกเพื่อนที่เป็นก้นแมงมุม1คน เมื่อร้องเพลงแมงมุมลาย ถ้าได้ยินเสียงคำว่า เอ้า  ให้กระโดดกลับหลังหัน โดยสลับจากคนที่เป็นหัวแมงมุมเปลี่ยนเป็นก้นแมงมุม คนที่เป็นก้นแมงมุมเปลี่ยนเป็นหัวแมงมุม
ฝันเห็นแมงมุมลาย คอยชักใยจับเหยื่อ ดูไม่เบื่อ คอยจับเหยื่อแล้วกลับไปนอน
ลา ล้า ลา ...ลา หล่า ลา ...ล้า หล่า เอ้า ลา ล้า ลา ...หล่า ลา ลา ...ล่า ลา
3.ให้แมงมุม1ตัวเคลื่อนที่ไปบริเวณรอบๆห้องพร้อมกับร้องเพลงแมงมุมลาย

ขันสรุป
ให้เด็กๆนั่งลงกันเป็นวงกลมเพื่อผ่อนคลายโดยการนวด

อาจารย์ยกตัวอย่างการสอนการเคลื่อนไหวด้วยริบบิ้น โยดยต่อให้เป็นรูปแมว

















การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
       การเคลื่อนไหวประกอบเพลง ทำให้เด็กเกิดพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และยังช่วยให้เด็กเกิดความกล้าแสดงอก

ประเมิน
ตนเอง : พยายามเข้าร่วมกิจกรรมของเพื่อนๆ
เพื่อน : เพื่อนๆให้ความร่วมมือและตั้งใจฟังคำสั่ง
อาจารย์ : ให้คำแนะนำและให้คำชมนักศึกษา